วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Fighting Mode : มาพูดถึงเรื่อง 06 เทคนิคการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบให้ได้ผล ใน 1 เดือนมีจริงหรือ


เทคนิค 6 ข้อ ที่ควรทำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบให้ได้ผล ใน 1 เดือน ซึ่งอาจจะมีข้อสำคัญสำหรับน้องๆ คือ การเลิก Chat ไปสักระยะ (แหม ข้อนี้ทำร้ายจิตใจกันจริงๆ นะคะ) แต่ก็นั่นล่ะค่ะ แชทมากไปก็ไม่ดี น้องๆ ก็รู้อยู่ แชทพอให้หายเครียดก็คงเป็นทางสายกลางที่น่าจะทำนะคะ.. เอ๊า มาดูกัน ว่ามีเทคนิคอะไรน่าสนใจบ้าง
1.ต้องเลิกเที่ยว เลิกดื่ม เลิกสร้างบรรยากาศที่ไม่ใช่การเตรียมสอบ เลิก chat ตอนดึกๆ เลิกเม้าท์โทรศัพท์นานๆ ตัดทุกอย่างออกไป ปลีกวิเวกได้เลย ต้องทำให้ได้ ถ้าไม่ได้อย่าคิดเลยว่าจะสอบติด ฝันไปเถอะ
2.ตัดสินใจให้เด็ดขาด ว่าต่อไปนี้จะทำเพื่ออนาคตตัวเอง บอกเพื่อน บอกพ่อแม่ บอกทุกคนว่า อย่ารบกวน ขอเวลาส่วนตัว จะเปลี่ยนชีวิต จะกำหนดชีวิตตัวเอง จะกำหนดอนาคตตัวเอง เพราะเราต้องการมีอนาคตที่กำหนดได้ด้วยตัวเอง ใช่หรือไม่
3.ถ้าทำ 2 ข้อไม่ได้ อย่าทำข้อนี้ เพราะข้อนี้คือ ให้เขียนอนาคตตัวเองไว้เลยว่า จะเรียนต่อคณะอะไร จบแล้วจะเป็นอะไร เช่น จะเรียนพยาบาล ก็เขียนป้ายตัวใหญ่ๆ ติดไว้ข้างห้อง มองเห็นตลอด สร้างเป้าหมายให้ชัดเจน
4.เตรียมตัว สรรหาหนังสือ หาอาจารย์ติว หาเพื่อนคนเก่งๆ บอกกับเค้าว่าช่วยเป็นกำลังใจให้เราหน่อย ช่วยเหลือเราหน่อย หาหนังสือมาให้ครบทุกเนื้อหาที่จะต้องสอบ เตรียมห้องอ่านหนังสือ โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ ให้พร้อม
5.เริ่มลงมืออ่านหนังสือ เริ่มจากวิชาที่ชอบ เรื่องที่ถนัดก่อน ทำข้อสอบไปด้วย ทำแบบฝึกหัดจากง่ายไปยาก ค่อยๆ ทำ ถ้าท้อก็ให้ลืมตาดูป้าย ดูรูปอนาคตของตัวเอง ต้องลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่างน้อยวันละ 10 ชั่วโมง แล้วจะทำได้ไง วิธีการคือ อ่านทุกเมื่อที่มีโอกาส อ่านทุกครั้งที่มีโอกาส หนังสือต้องติดตัวตลอดเวลา ว่างเมื่อไรหยิบมาอ่านได้ทันที อย่าปล่อยให้ว่างจนไม่รู้จะทำอะไร ที่สำคัญอ่านแล้วต้องมีโน้ตเสมอ ห้ามนอนอ่าน ห้ามกินขนม ห้ามฟังเพลง ห้ามดูทีวี ห้ามดูละคร ดูหนัง อ่านอย่างเดียว ทำอย่างจริงจัง
6.ข้อนี้สำคัญมาก หากท้อให้มองภาพอนาคตของตัวเองไว้เสมอ ย้ำกับตัวเองว่า “เราต้องกำหนดอนาคตของตัวเอง ไม่มีใคร กำหนดให้เรา เราต้องทำได้ เพราะไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้” ให้กำลังใจกับตัวเองอยู่เสมอ บอกกับตัวเองอย่างนี้ทุกวัน หากท้อ ขอให้นึกว่า อย่างน้อยก็มีผู้เขียนบทความนี้เป็นกำลังใจให้น้องๆ เสมอ นึกถึงภาพวันที่เรารับปริญญา วันที่เราและครอบครัวจะมีความสุข วันที่คุณพ่อคุณแม่จะดีใจที่สุดในชีวิต ต่อไปนี้ต้องทำเพื่อท่านบ้าง อย่าเห็นแก่ตัว อย่าขี้เกียจ อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง

Fighting Mode : เคล็ดลับวิธีทำความเข้าใจและจดจำบทเรียนได้อย่างแม่นยำ อยากรู้ต้องมาอ่าน


เคล็ดลับการทำความเข้าใจและจดจำบทเรียนนี้ เป็นเทคนิคง่าย ๆ นักเรียนนักศึกษาสามารถนำไปปฏิบัติได้ทุกคน ขอแต่เพียงเข้าใจเคล็ดลับวิธีการเท่านั้นเอง หัวใจสำคัญของการทำความเข้าใจและจดจำบทเรียน คือ การหมั่นฝึกฝนตามขั้นตอนให้เกิดความเคยชินจนติดกลายเป็นนิสัยการอ่านเพื่อทำความเข้าใจนี้จะแตกต่างจากการอ่านเพียงเพื่อท่องจำ

1. เวลาอ่านบทเรียนหรือตำรา ให้อ่านอย่างตั้งใจ แต่ทว่าเราจะไม่อ่านไปเรื่อย ๆ คือเราจะ หยุดอ่านเมื่อจบย่อหน้าหรือหยุดเมื่ออ่านไปได้พอสมควรแล้ว

2. จากนั้นให้ปิดหนังสือ ! แล้วลองอธิบายสิ่งที่ตนเองได้อ่านมาให้ตัวเองฟัง คือ เราสามารถอธิบายให้ตัวเองฟังด้วยภาษาสำนวนของเราเอง ฟังแล้วเข้าใจหรือเปล่า หากเราสามารถอธิบายให้ตัวเองฟังรู้เรื่อง แสดงว่าเราเข้าใจแล้ว ให้อ่านต่อไปได้

3. หากตอนใดเราอ่านแล้วแต่ไม่สามารถอธิบายให้ตัวเองรู้เรื่อง แสดงว่ายังไม่เข้าใจ ให้กลับไปอ่านทบทวนใหม่อีกครั้ง

4. หากเราพยายามอ่านหลายรอบแล้วยังไม่เข้าใจจริงๆให้จดโน้ตไว้เพื่อนำไปถามอาจารย์ จากนั้นให้อ่านต่อไป

5. ข้อมูลบางอย่างในตำราจำเป็นที่จะต้องท่องจำ เช่น ตัวเลข สถิติ ชื่อสถานที่ บุคคล หรือ สูตร ต่าง ๆ ฯลฯ ก็ควรท่องจำไว้ด้วย เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

6. การเรียนด้วยวิธีท่องจำโดยปราศจากความเข้าใจ เรียนไปก็ลืมไป สูญเสียเวลา เปล่าประโยชน์ เสียเงินทอง

7. การเรียนที่เน้นแต่ความเข้าใจ โดยไม่ยอมท่องจำ ก็จะทำให้เราเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ไม่ชัดเจน คลุมเครือ

8. ดังนั้นจึงขอสรุปเทคนิคง่าย ๆ สั้น ๆ ดังต่อไปนี้ :-

หมายเหตุ * เทคนิคการทำความเข้าใจและจดจำบทเรียนได้อย่างแม่นยำนี้ เป็นเพียงข้อเดียว (อรรถปฏิสัมภิทา) ในธรรมะชุดปฏิสัมภิทา 4 หรือ ธรรมะเพื่อความเลิศทางวิชาการ จาก พระไตรปิฎกมรดกทางปัญญาที่สำคัญที่สุดของคนไทย )


ก.ให้อ่านหนังสือ สลับกับ การอธิบายให้ตัวเองฟัง
ข.ให้ท่องจำเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นต้องจำจริง ๆ เช่น ตัวเลข ชื่อเฉพาะต่างๆ

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารัก-น่ารู้ : 10 วิธีบอกรักแม่



1.ส่งการ์ด

การ์ดอวยพรที่ต้องเข้ากับเทศกาล จะเป็นภาพดอกมะลิ หรือรูปที่สื่อถึงความรักของแม่กับลูก อย่าหยิบผิดเป็นภาพต้นคริสมาสต์มาล่ะหรือใครมีทักษะด้านศิลปะ ก็โชว์ได้เต็มที่เลยนะ อ๊ะๆ แต่บอกไว้ก่อนไม่ใช่ทำแล้วฝีมือออกมาเหมือนน้องที่เรียนอยู่ป.2 นะ โตแล้วการ์ดอวยพรวันแม่ที่ทำเองก็ต้องโต่ตามด้วย จะได้สื่อถึงความพยายามของเราอย่างไรล่ะ ภายในการ์ดก็บรรเลงความในใจ ความรัก สิ่งที่อยากจะพูดกับคุณแม่ได้เลย ลูกๆ ขี้อายเลือกไปใช้ได้เลยนะ

ความซึ้งน้ำตาไหล 2 หยด


2.กอด
วิธีธรรมดาที่สามารถส่งต่อความอบอุ่นได้ดี ไม่ต้องใช้อะไร นอกจากอ้อมกอดจริงใจ เปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อแม่ วิธีการ ก็ง่าย รอจังหวะที่แม่อารมณ์ดี และกำลังว่างอยู่ แล้วเราเดินไปหาแม่ บอกกับแม่ว่า "ขอกอดแม่หน่อยนะ" พร้อมกับสวมกอด แล้วพูดว่า "ผมรักแม่ครับ/หนูรักแม่ค่ะ"
ความซึ้งน้ำตาไหล 3 หยด

3.อาสางานบ้าน
น้องๆ คุณลูกชาวเด็กดีทั้งหลาย ใครเห็นด้วยว่า 'รักแม่ รักได้ทุกวัน' ยกมือขึ้น เอาล่ะงั้นพี่มิ้ง ขอแนะนำวิธีที่ตรงกับความคิด วิธีนี้เลย หลังจากบอกรักไปแล้ว เราก็บอกต่อด้วยสนธิสัญญาใจ ว่าอยากจะช่วยเหลืองานบ้าน จะเป็น 1 อย่าง 2 อย่าง หรือทั้งหมดยิ่งดีใหญ่ แต่พี่มิ้งแนะนำว่าเอาน้อยๆ แต่ทำได้ตามที่สัญญาดีกว่า ป้องกันความขี้เกียจ พาเราฉีกสนธิสัญญาทั้งที่ผ่านไปได้แค่ 7 วัน

ความซึ้งน้ำตาไหล 2-3 หยด

4.กราบเท้า พวงมาลัย

เพิ่มความมุ่งมั่นตั้งใจ ด้วยวิธีการที่ทุ่มเทมากขึ้น ขั้นแรกต้องไปหาเข็มกลัดดอกมะลิที่มีขายทั่วไป หรือพวงมาลัยดอกมะลิก็ได้ ค่ำวันที่ 12 สิงหา เป็นเวลาที่เหมาะสุด อาจเป็นตอนที่แม่กำลังดูละครหลังข่าวนั่นล่ะ คลานเข่าเข้าไปเลยวัยรุ่น กราบที่เท้าของท่าน พร้อมยื่นดอกมะลิที่เตรียมมา อย่าลืมประโยคเด็ด

"ผมรักแม่ครับ/หนูรักแม่ค่ะ"

ความซึ้งน้ำตาไหล 3 หยด

5.ผลการเรียน การสอบหรูๆ

วิธีนี้ไม่ต้องเป็นลูกๆ ที่เรียนเก่งก็ได้ ความจริงเหมาะสำหรับเด็กดื้อที่ตั้งใจเรียนน้อยๆ เสียด้วยซ้ำ เพราะ จะได้ชี้ชัดไปเลยว่า เราตั้งใจทำเพื่อแม่จริงๆ โดยไปบอกกับแม่ ในวันแม่ว่า "ผม/หนู จะตั้งใจเรียน แล้วเอาเกรดดีๆ มาให้แม่ ครับ/ค่ะ" เป็นวิธียิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว ทั้งแม่ดีใจ การผลการเรียนดีขึ้นไปพร้อมกันเลย

ความซึ้งน้ำตาไหล 2 หยด

6.ข้อความประทับใจ

สำหรับลูกๆ ขี้อายอีกแล้ว และก็สำหรับลูกๆ ที่อยู่ไกลจากคุณแม่ด้วย ลูกๆ หลายคนทำมึน 'เอ๊ะ ข้อความควรเป็นอย่างไรนะ' แหม ไม่ต้องเลย ทีส่งข้อความสื่อรักให้กับ เพื่อนหนุ่ม เพื่อนสาวเนี่ย ถนัดคิดกันมาได้มากมาย ไม่ยากหรอก แค่ใช้หลักการเดียวกัน คือ สื่อความรักของเราออกไป

ความซึ้งน้ำตาไหล 2.1 หยด

7.บอกรักผ่านจอ ถ่ายวีดีโอ/วีดีโอคลิป

ถึงเวลาใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายวีดีโอคลิป ในทางสร้างสรรค์กันเสียทีเด็กดีรักแม่ ใครจะถ่ายเป็นวีดีโอก็ได้ จะเป็น จะแนวยิ้มๆ เขินๆ บอกความในใจก็ได้ แต่จะมาทำเป็นเล่น ตลกไร้สาระไม่ได้นะ เดี๋ยวความซึ้งจะกลายเป็นความเสื่อมไป ทางที่ดีพี่มิ้งแนะนำว่าแนวซึ้งดีที่สุด ดังนั้นให้ไปบิ้วอารมณ์กันมาก่อน ลองนึกถึง ตอนที่เราทำให้แม่เสียใจ,ตอนที่แม่เสียสละให้เรา,นึกถึงเวลาแม่กอดเรา อาจต้อง เขียนสคริปเล็กน้อย แต่ไม่ต้องถึงกับอ่านกระดาษหรอกนะ แล้วก็พูดไปเลย พูดไปให้หมด อยากจะขอโทษเรื่องไหน อยากจะบอกความรักที่มีให้แม่อย่างไร ตามความรู้สึกเลยครับ ส่วนการเปิดให้ดูก็เปิดผ่าคอมพิวเตอร์ให้แม่ดูก็ได้

ความซึ้งน้ำตาไหล 4.5 หยด

8.มื้ออิ่มใจ

ต้องอาศัยการเตรียมตัวสักหน่อย เพราะเป็นวิธีบอกรักที่อาศัยทุนทรัพย์และความมุ่งมั่น เรามาทำมื้อความสุขให้คุณแม่กัน โดยอาจจะบอกแม่เอาไวก่อนว่า วันนี้มีอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว แต่อย่าบอกความจริงเรื่องที่เราจะทำให้ล่ะ เดี๋ยวไม่ประหลาดใจ ถ้าใครกระเป๋าหนัก หรือ ไม่มีเวลามากนัก ก็พาแม่ไปรับประทานอาหาร ที่ร้านอาหารเลย โดยมื้อนี้ลูกรักต้องขอเป็นคนเลี้ยงแม่บ้างด้วยนะ ส่วนใครอยากทำซึ้งได้อีก ก็วิธีนี้เลย ฝึกทำอาหารสัก 2 อย่าง แนะนำว่าอาหารหลักเป็นอาหารจานเร็ว ที่ทำไม่ยากสักหน่อย อย่างเช่น สปาร์เก็ตตี้ซอสเห็ด,ซุปไก่,ข้าวผัดกุนเชียง ตามด้วยเครื่องดื่มอย่างเช่น น้ำผลไม้ แล้วใครจะซึ้งได้อีก ก็ตบท้ายด้วยขนมก็ได้ อย่างหลังซื้อแบบสำเร็จรุปได้ เพราะท่าทางจะยุ่งยากเสียหน่อย รับรองแม่อิ่มท้อง อิ่มใจไปหลายวัน (ทุกเมนูควรผ่านการชิม และจดสูตรอร่อยไว้แล้วนะ ตั้งใจทำทั้งทีนี่นา)

ความซึ้งน้ำตาไหล 4.5 หยด


9.ทำcd พรีเซ้นต์
จะทำเป็นไฟล์ หรือเป็นแผ่น cd หรูหรา (เพื่อความสะดวก ถ้าแม่อยากเอาไปอวดเพื่อนถึงความประทับใจ)ไม่ยากๆ เหมือนที่เราทำสไลด์ใน สวัสดีห้า(hi5) นั่นล่ะ ถ้าใครทำไม่เป็น ลองถามเพื่อนๆ ดู ต้องมีสักคนล่ะน่า ที่ยอมมาเป็น อาจารย์สอนวิทยายุทธ์นี้ให้กับเรา โดยเลือกรูปเรากับแม่เอามาไว้เยอะ ยิ่งตอนเด็กๆ ยิ่งดี ให้แม่ย้อนถึงอดีตยิ่งซึ้งใหญ่ ประกอบด้วยเพลงแนะนำอย่าง 'ค่าน้ำนม','อิ่มอุ่น' ศุ บุญเลี้ยง, 'แม่' เสก โลโซ,เบิร์ด ธงชัย ฯลฯ ใครอยากซึ้งได้อีก แนะนำว่า ร้องคาราโอเกะใส่ดนตรีมาเลย โห แค่คิดก็น้ำตาจะไหลแล้ว

ความซึ้งน้ำตาไหล 5 หยด เต็มๆ

10.ปิดท้ายด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด จริงใจที่สุด ทำได้บ่อยๆ การแสดงความรัก

รักแม่ เสียสละเพื่อแม่บ้าง กอดแม่บ้าง รับใช้คุณแม่ ตั้งใจเรียนเพื่อแม่ พูดไพเราะกับแม่ ไม่เถียงแม่ เชื่อฟังแม่ ฯลฯ ถ้าเราทำด้วยความรักจริงๆ รับรองเราทำได้ไม่มีเบื่อ ไม่มีบ่นเลย

ความซึ้งน้ำตาไหล ประมาณค่าไม่ได้

เรื่องน่ารู้ : สัญญาณเตือนจาก"เล็บ"


อย่าคิดว่าเล็บไม่มีความสำคัญ เห็นเป็นแค่ส่วนเกินของนิ้วมือเท่านั้นเล็บมีส่วนประกอบหลักของสารโปรตีนประเภท "เคราติน" (Keratin) ในคนที่มีสุขภาพปกติ เล็บจะมีสีชมพูอ่อนๆ เสมอกัน เนื้อเล็บแข็ง เรียบ ลื่น แต่ถ้าเล็บเริ่มมีรูปร่างหรือสีแปลกไป อาจเป็นสัญญาณเตือนว่า อาจเกิดความผิดปกติหรือโรคภัยบางอย่าง
1.เล็บมีลักษณะสีขาวเป็นแผ่นตรงกลาง อาจมีความผิดปกติกับตับ หรือมีโรคที่เกี่ยวกับการทำงานของตับผิดปกติ
2.เล็บมีลักษณะหนากว้าง โค้งมนตามลักษณะของปลายนิ้วที่โตขึ้นและมีสีม่วงคล้ำลักษณะแบบนี้พบมากในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคตับ และโรคท้องเสียเรื้อรัง
3.เล็บมีลักษณะเป็นหลุม ขรุขระ ไม่เรียบเกลี้ยงเกลา อาจเป็นโรคผิวหนังที่เรียกว่า สะเก็ดเงิน หรือเรื้อนกวาง เพราะลักษณะแบบนี้จะพบในผู้ป่วยโรคผิวหนังถึง 70%
4.เล็บมีลักษณะขาวซีด อ่อน แบนและบุ๋ม ลักษณะแบบนี้พบมากในคนที่ขาดธาตุเหล็ก ซึ่งมักจะเป็นโรคโลหิตจาง
5.เล็บมีลักษณะเป็นสีเหลือง ถ้าพบลักษณะแบบนี้ในเล็บบนนิ้วมือที่ถนัด อาจเป็นเพราะสารนิโคตินที่มาจากบุหรี่เกาะบนเล็บที่ใช้คีบบุหรี่ ลักษณะนี้จะพบมากในผู้ป่วยโรคปอด
6.เล็บมีลักษณะเป็นจุดหรือเส้นสีม่วงที่เกิดจากเส้นเลือดฝอยแตกจะพบมากในผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจอักเสบ โรคลิ้นหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดอักเสบ และโรคขาดวิตามินซี
7.เล็บมีลักษณะเป็นดอกหรือจุดขาวๆ หรือเป็นเสี้ยวพระจันทร์ อาจขาดสารอาหารบางอย่างที่ทำให้เซลล์สร้างเล็บได้ไม่สมบูรณ์ หรือกำลังมีปัญหาสุขภาพ อาจจะมีโรคภายในที่ทำให้เจ็บป่วยหนักขึ้น
8.เล็บมีลักษณะสีดำ ส่วนมากพบในคนที่ขาดวิตามินบี 12 และในผู้ป่วยโรคลำไส้ผิดปกติ อาจมีจุดดำๆ เกิดขึ้นตามเนื้อเยื่อของลำไส้เยื่อบุปากและริมฝีปาก
ต่อไปเวลาตัดเล็บ อย่าลืมสังเกตความผิดปกติของสีเล็บด้วยทุกครั้ง ถ้าพบความผิดปกติดังที่กล่าว ปรึกษาแพทย์เป็นดีที่สุด
ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า เป็นแล้วแก้จะแย่ทีหลัง
 
body