วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้ : เลิกชู 2 นิ้วเเบบหันหลังมือ เวลาถ่ายรูป


หลายคนคงรู้แล้วว่า การชู 2 นิ้ว หันหน้า มากจาก Victory ซึ่งแปลว่า ชัยชนะ หรือ เรียกง่ายๆ ก็คือ สู้ตาย!!

V Sign - good refer to The V Sign, palm outwards, means victory. It’s not that common to see anymore in the US and Canada, particularly since Richard Nixon used it and everyone thinks
him a crook.
แต่มีอีกหลายคนยังไม่รู้ว่า การชู 2 นิ้วหันหลังนั้น เป้นความหมายหยาบคาย ซึ่งเหมือนกับการชูนิ้วกลางนั่นเอง ซึ่ง นิ้วกลาง หันหลัง หมายถึง อวัยวะเพศชาย(The middle finger Sign หรือการชูนิ้วกลางจำได้ว่ามีมาตั้งแต่สมัยโรมัน เริ่มมาจากการใช้สัญลักษณ์นี้แทน ในการแสดงละครตลก)การชู 2 นิ้ว แบบหันหลัง ก็หมายถึง อวัยวะเพศหญิงนั่นเองประวัติ : เมื่อก่อนอังกฤษรบกับฝรั่งเศส แล้วอังกฤษเนี่ยสู้รบด้วยการยิงธนู ต้องใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางในกางเหนี่ยวธนู แล้วแบบฝรั่งเศสแอบไปตัดสองนิ้วนี้ของอังกฤษตอนที่ทหารอังกฤษนอนหลับ แล้วตอนเช้าก็เลยไม่มีนิ้วมายิงธนูแล้วฝรั่งเศสก็ชูนิ้วชี้กับนิ้วกลางหัน หลังเข้า เป็นการเยาะเย้ย เขาเลยถือว่าเป็นการหยามแบบว่าหยาบคายกัน

วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2552

Chinese New Year




Vocabulary
solar (adj.) เกี่ยวกับดวงอาทิตย์, ของดวงอาทิตย์, สุริยคติ, สุริยะ
lunar (adj.) เกี่ยวกับพระจันทร์, ทางจันทรคติ
differ (vi.) ผิดกัน ผิดใจกัน เศษเลย
zodiac ( n.) จักรราศี
rid ( vt.) rid (pt.) pp.ridded (pt.) pp.riddance (n).ทำให้หมดไป, ทำให้พ้นไป, กำจัด
wealth (n.) wealthy (adj.)ความสมบูรณ์, ความมั่งคั่ง, มั่งคั่ง, มั่งมี, ทรัพย์สมบัติ, โภคทรัพย์, ความมากมาย
dazzling (adj.) dazzlingly (adv.)เข้าตา, สุกใส, ปราดเปรื่อง, หรูหรา
lantern (n.) โคม



Chinese New Year is the biggest festival in the Chinese calendar and is sometimes called the Spring Festival. It's based on the solar and lunar cycles, so the date differs every year. This year, Chinese New Year falls on 7 February.
Each year in the Chinese calendar is represented by 1 of the 12 animals of the Chinese zodiac. 2008 is the Year of the Rat. Celebrations start with the new moon on the first day of the New Year, and continue until the full moon 15 days later.

New Year's Day centres on 'welcoming the Gods of heaven and earth'. People often don't eat meat on this day as this is believed to bring a long and happy life. The endless explosions of fire crackers are said to ward off evil spirits and are also a sign of getting rid of the old and welcoming the new.
One of the most dazzling events of the New Year is the 'Lion Dance' which passes through the streets bringing good luck and wealth to the houses and businesses it visits. The last day of the New Year celebrations is called the Lantern Festival, which is celebrated at night with lantern displays and parades.

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้ : เทศกาลตรุษจีน




มีเรื่องเล่ากันว่า เทศกาลตรุษจีนมีประวัติยาวนานกว่าสี่พันปีแล้ว เดิมทีไม่ได้เรียกว่าตรุษจีน และก็ไม่ได้กำหนดเวลาที่แน่นอนด้วย เมื่อ 2,100 ปีก่อนคริสตกาล คนในสมัยนั้นถือการโคจรรอบหนึ่งของดาวจูปีเตอร์เป็นหนึ่ง”ซุ่ย” จึงเรียกตรุษจีนว่า "ซุ่ย" เมื่อ 1,000 กว่าปีก่อนคริสต์กาล ผู้คนเรียกตรุษจีนว่า "เหนียน" ซึ่งมีความหมายว่าการเก็บเกี่ยวได้ผลอุดมสมบูรณ์
ตามประเพณีพื้นบ้าน เทศกาลตรุษจีนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติของจีนไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือนอ้ายตามปฏิทินจันทรคติของจีน ในช่วงนี้ คืนวันที่ 30 เดือน 12 ซึ่งเป็นวันส่งท้ายปีเก่า และวันที่ 1 เดือนอ้ายหรือวันชิวอิก จะเป็นวาระสำคัญที่สุดในช่วงเทศกาลตรุษจีนซึ่งกินเวลาทั้งหมดประมาณ 3 อาทิตย์
เพื่อเตรียมต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ประชาชนในเมืองหรือชนบทต่างตระเตรียมกันตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยเฉพาะในชนบท พอย่างเข้าเดือนธันวาคมก็เริ่มเตรียมที่จะต้อนรับตรุษจีนแล้ว เช่น ทำความสะอาดบ้าน ซักเสื้อผ้าและผ้าห่ม ซึ่งถือเป็นการขับไล่สิ่งที่สกปรกออกจากบ้าน เพื่อให้บ้านมีโฉมหน้าใหม่ นอกจากนี้ ยังต้องซื้อของกินของใช้มากมาย เช่น ลูกอม ขนม หมูเห็ดเป็ดไก่ และผลไม้นานาชนิด เพื่อเตรียมไว้กินหรือต้อนรับแขกในช่วงเทศกาลตรุษจีน ในเมืองใหญ่ การเตรียมการต่างๆ ก็เริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ เช่นกัน เช่น หน่วยงานวัฒนธรรมและคณะนาฏศิลป์จะเตรียมรายการมากมายสำหรับแสดงในช่วงตรุษจีน สถานีโทรทัศน์ต่างๆ จะเตรียมจัดงานบันเทิง สวนสาธารณะจะเตรียมจัดงานวัดตามประเพณีฉลองตรุษจีนที่สืบทอดกันมาแต่สมัยโบราณ เพื่อให้ประชาชนได้รับความสนุกสนานมากกว่าวันธรรมดา ส่วนร้านค้าและห้างสรรพสินค้าต่างๆ จะจัดเตรียมสินค้าให้เพียงพอเพื่อตอบสนองการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีสถิติแสดงให้เห็นว่า เงินที่ชาวจีนใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนนั้นจะเป็น 1 ใน 3 ของเงินใช้จ่ายตลอดปีหรืออาจมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศจีน มีประเพณีฉลองตรุษจีนที่แตกต่างกัน แต่มีประเพณีอยู่อย่างหนึ่งไม่ว่าภาคใต้หรือภาคเหนือล้วนปฏิบัติเหมือนกัน นั่นก็คือ การรับประทานอาหารด้วยกันทั้งครอบครัวในคืนส่งท้ายปีเก่า ที่ภาคใต้ อาหารมื้อนี้มักจะมีกับข้าวกว่าสิบอย่าง ต้องมีเต้าหู้และปลา เพราะว่าการออกเสียง "เต้าหู้" และ "ปลา" นั้นพ้องเสียงกับคำว่า“ฟู่อวี้”ซึ่งมีความหมายว่ามั่งคั่งร่ำรวย ส่วนทางภาคเหนือ ในคืนส่งท้ายปีเก่า ทุกคนในครอบครัวจะช่วยกันห่อเกี๊ยว แล้วรับประทานด้วยกัน
ในคืนส่งท้ายปีเก่ายังมีประเพณีอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า "โส่วซุ่ย" คือ อยู่โต้รุ่งเพื่อต้อนรับวันปีใหม่ เมื่อก่อนนี้ ก่อนปีใหม่จะมาถึง ผู้คนจะจุดประทัดต้อนรับปีใหม่ ประเพณีการจุดประทัดในอดีตก็เพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจ แต่เนื่องจากการจุดประทัดทำให้เกิดมลพิษและไม่ปลอดภัย ดังนั้น ในเขตตัวเมืองของเมืองใหญ่ต่างๆ เช่นปักกิ่งเป็นต้นจึงห้ามจุดประทัด พอถึงวันชิวอิก ไม่ว่าเด็กเล็กหรือผู้เฒ่าผู้แก่มักจะใส่เสื้อผ้าใหม่ เพื่อต้อนรับแขกหรือไปเยี่ยมญาติและเพื่อนๆ เวลาพบหน้ากัน มักจะทักทายด้วยคำว่า “สวัสดีปีใหม่” หรือ “สวัสดีตรุษจีน” แล้วจะเชิญเข้าบ้าน กินขนมจิบน้ำชาไป คุยไปด้วย ถ้าระหว่างญาติพี่น้องเคยเกิดการทะเลาะกันหรือความไม่พอใจกันในรอบปีเก่า ก็จะให้อภัยและคืนดีกันหลังจากการเยี่ยมเยือนกันในช่วงเทศกาลตรุษจีน
การเฉลิมฉลองในวันขึ้นปีใหม่ของจีนทั้ง 15 วัน
- ในวันแรกของวันขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติ คือวันแห่งการต้อนรับเทพเจ้าแห่งสวรรค์และ โลกมนุษย์ ในวันแรกนี้คนส่วนใหญ่ จะละเว้นจากการรับประทานเนื้อสัตว์ เพราะเชื่อว่าการทำเช่นนี้ จะทำให้พวกเขามีชีวิตที่ยืนยาว และมีความสุข - ในวันที่สองของวันขึ้นปีใหม่ ชาวจีนจะสวดอ้อนวอนต่อ บรรพบุรุษและต่อเทพเจ้า พวกเขาจะปฏิบัติต่อสุนัขและเลี้ยงมันเป็นอย่างดี เนื่องว่าชาวจีนเชื่อว่า วันที่สองนี้เป็นวันเกิดของสุนัขทุกตัว
- ในวันที่สามและสี่ จะเป็นวันสำหรับลูกหลานจะไปเคารพอวยพรต่อบิดามารดา
- ในวันที่ห้า จะเรียกวันนี้ว่าวัน Po Woo ในวันนี้ประชาชนจะอยู่กับบ้านเพื่อรอต้อนรับเทพเจ้าแห่งความเงินทอง และจะไม่มีใครที่จะออกไป เยี่ยมครอบครัวและเพื่อนๆในวันนี้ เพราะจะเป็นการนำความโชคร้าย ไปสู่พวกเขาทั้งสองฝ่าย
- ในวันที่หกจนถึงวันที่สิบของวันขึ้นปีใหม่ จะเป็นช่วงที่ชาวจีนออกไปเยี่ยม ญาติและเพื่อนๆ ตามอิสระ รวมไปถึงการไปสวดมนต์ที่วัดเพื่อให้มีสุขภาพและอนาคตที่ดี
- ในวันที่สิบถึงวันที่สิบสอง จะเป็นวันที่เพื่อนและญาติจะเชื้อเชิญกันไปรับประทานอาหารเย็น
เทศกาลตรุษจีนถือเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของชาวจีนก็ว่าได้เลยนะคะ แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไป แต่พี่แก้มคิดว่าคนจีนก็ยังคงให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้เสมอมา เช่นเดียวกับวันสงกรานต์ของบ้านเรา ที่เป็นวันที่ครอบครัวได้พบกันพร้อมหน้าพร้อมตา

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้ : 34 เรื่องเเปลกที่คุณไม่เคยรู้

1.ยุงบินด้วยความเร็ว 5 ไมล์ต่อชั่วโมง
2.ผีเสื้อบินด้วยความเร็ว 20 ไมล์ต่อชั่วโมง
3.เส้นผมคนรับน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัม

4.เสียงกรนที่ดังที่สุดดัง ถึง 87.5 เดซิเบลล์
5.พอล แมคคาร์ที เป็นเจ้าของลิขสิทธิเพลงแฮปเบิร์ดเดย์ ถ้าจะนำ มาออกรายการต้องซื้อลิขสิทธิก่อน
6.เหรียญทองโอลิมปิกต้องมีแร่เงินผสมอยู่ 92.5 เปอร์เซนต์
7.หอเอนเมืองปิซาเอนไปทางใต้
8.กษัตริย์หลุยส์ที่ 14 อาบน้ำทั้งหมด 3 ครั้งในชีวิต
9.ฮิตเลอร์แสกผมข้างซ้าย
10.ผู้หญิงที่เกาะฮาวายที่ทัดดอกไม้ที่หูข้างซ้ายแสดงว่า มีเจ้าของแล้ว
11.เราไม่สามารถฆ่าตัวตายด้วยการกลั้นหายใจได้
12.ผู้หญิง 3.9 เปอร์เซ็นต์ไม่ชอบใส่กางเกงใน
13.ฮิปโปผายลมทางปาก
14.ประเทศซาอุดิอราเบียไม่มีแม่น้ำ

15.กังหันทั้งโลกหมุนทวนเข็มนาฬิกา ยกเว้นที่ไอร์แลนด์...
16.เด็กนักเรียนอายุ15 ปีขึ้นไปในบังคลาเทศจะถูกจับเข้าคุกถ้า"โกงข้อ สอบ"
17.ปลาที่อาศัยในน้ำลึกเกิน 800 เมตรจะไม่มีตา...
18.ผมคนเราจะร่วงประมาณ 200 เส้นต่อวัน
19.ตัว"โอ"เป็นสระที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ
20.คนพูดประมาณ 120 คำต่อนาที
21.ฝ่ามือและฝ่าเท้าของคนเราไม่สามารถไหม้ได้
22.ถ้าปลาไหลไฟฟ้าอยู่ในน้ำเค็ม จะถูกช็อตตาย

23.ขั้นบันไดในไทยจะเป็นเลขคี่
24.เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ชอบสะสมฝาโถส้วม...

25.คนมีโอกาสตายจากผึ้งต่อยมากกว่างูกัด
26.ประเทศวาติกันมีประชากรประมาณ 1000 คน
27.เมื่อคุณจามหัวใจคุณจะหยุดเต้นเสี้ยววินาที
28.มันเป็นไปมะได้อ่ะคับ ถ้าคุณจะจามโดยไม่หลับตา
29.เดิมโคคาโคล่าเป็นสี เขียว
30.ชื่อที่โหลที่สุดใน โลกคือ Mohammed
31.กล้ามเนื้อที่แข็ง แรงที่สุดในร่างกายคือลิ้น
32.โพดำ กษัตริย์เดวิด ดอกจิก อเล็กซานเดอร์มหาราช โพหัวใจ ชาร์ล เลอ มาญ ข้าวหลามตัด จูเลียส ซีซาร์
33. อนุสาวรีย์ของใครสักคน ที่อยู่บนหลังม้า และม้ายกสองขาขึ้นบนอากาศ แปลว่าคนนั้นตายในสงคราม
34.ถ้าม้ายกขาข้าเดียวแปลว่า เขาบาดเจ็บใน สงคราม และตายจากการบาดเจ็บนั้น

วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้ : คำขวัญวันเด็กเกิดขึ้นครั้งเเรกเมื่อ...





คำขวัญวันเด็กเกิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2499 ในสมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล ป. พิบูลสงคราม และในปี พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเด็ก จึงได้คิดคำขวัญที่เป็นคติเตือนใจมอบเป็นของขวัญให้เด็กปีละ 1 คำขวัญ ซึ่งถือได้ว่าเป็นธรรมเนียมสืบทอดมาถึงปัจจุบัน
2499
จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม
2502
ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า
2503
ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด
2504
ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย
2505
ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด
2506
ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด
2507
ไม่มีคำขวัญ เนื่องจากงดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ
2508
เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี
2509
เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี
2510
อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย
2511
ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง
2512
รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ
2513
เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส
2514
ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ
2515
เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ
2516
เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ
2517
สามัคคีคือพลัง
2518
เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี
2519
เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้
2520
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย
2521
เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติมั่นคง
2522
เด็กไทยคือหัวใจของชาติ
2523
อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
2524
เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม
2525
ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
2526
รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม
2527
รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา
2528
สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม
2529
นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
2530
นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
2531
นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
2532
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
2533
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
2534
รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา
2535
สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม
2536
ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
2537
ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
2538
สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
2539
มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด
2540
รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด
2541
ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
2542
ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
2543
มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
2544
มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
2545
เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส
2546
เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี
2547
รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน
2548
เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด
2549
อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด
2550
มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข
2551
สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม
2552
ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี


วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้ : 10วิธีทำร้ายกระดูกสันหลัง



กระดูกสันหลัง มีความสำคัญต่อบุคลิกภาพ วันนี้เราจึงนำวิธีการที่ทำร้ายกระดูกสันหลังมาบอกกัน...
1.การนั่งไขว่ห้าง จะทำให้น้ำหนักตัวลงที่ก้นข้างใดข้างหนึ่ง เป็นผลให้กระดูกคด
2.การนั่งกอดอก ทำให้หลังช่วงบน สะบัก และหัวไหล่ ถูกยืดยาวออก หลังช่วงบนค่อมและงุ้มไปด้านหน้า ทำให้กระดูกคอยื่นไปด้านหน้า มีผลต่อเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงแขน อาจทำให้มืออ่อนแรง หรือชาได้
3.การนั่งหลังงอ หลังค่อม เช่น การอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ติดต่อกันนาน ๆ เป็นชั่วโมง จะทำให้กล้ามเนื้อเกร็งค้าง เกิดการคั่งของกรดแลกติค มีอาการเมื่อยล้า ปวด และมีปัญหาเรื่องกระดูกผิดรูปตามมา
4.การนั่งเบาะเก้าอี้ไม่เต็มก้น ทำให้กล้ามเนื้อหลังต้องทำงานหนัก เพราะฐานในการรับน้ำหนักตัว
5.ยืนพักขาลงน้ำหนักด้วยขาข้างเดียว การยืนที่ถูกต้องควรลงน้ำหนักที่ขาทั้ง 2 ข้างเท่า ๆ กัน โดยยืนให้ขากว้างเท่าสะโพกจะทำให้เกิดความสมดุลของโครงสร้างร่างกาย
6.การยืนแอ่นพุง/หลังค่อม ควรยืนหลังตรง แขม่วท้องเล็กน้อย เพื่อเป็นการรักษาแนวกระดูกช่วงล่างไม่ให้แอ่นและทำให้ไม่ปวดหลัง
7.การใส่ส้นสูงเกิน 1 นิ้วครึ่ง จะทำให้แนวกระดูกสันหลังช่วงล่างแอ่นมากกว่าปกติ ซึ่งจะนำมาสู่อาการปวดหลัง
8.การสะพายกระเป๋าหนักข้างเดียว ไม่ควรสะพายกระเป๋าข้างใดข้างหนึ่งต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ควรเปลี่ยนเป็นการถือกระเป๋า โดยใช้ร่างกายทั้ง 2 ข้างให้เท่า ๆ กัน อย่าใช้แค่ข้างใดข้างหนึ่งตลอด เพราะจะทำให้ต้องทำงานหนักอยู่เพียงซีกเดียว ส่งผลให้กระดูกสันหลังคดได้
9.การหิ้วของหนักด้วยนิ้วบ่อย ๆ จะมีผลทำให้มีพังผืดยึดตามข้อนิ้วมือ
10.การนอนขดตัว/นอนตัวเอียง ท่านอนหงายเป็นท่านอนที่ถูกต้องที่สุด ควรนอนให้ศีรษะอยู่ในแนวระนาบ หมอนหนุนศีรษะต้องไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป ควรมีหมอนรองใต้เข่าเพื่อลดความแอ่นของกระดูกสันหลังช่วงล่าง หากจำเป็นต้องนอนตะแคง ให้หาหมอนข้างก่ายโดยก่ายให้ขาทั้งหมดอยู่บนหมอนข้าง เพื่อรักษาแนวกระดูกให้อยู่ในแนวตรง
เพื่อนๆทราบถึงสาเหตุแล้ว ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้นะคะ แล้วดูแลรักษาอยู่เสมอนะคะ จะได้มีบุคลิกที่ดีอยู่เสมอ

วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้ : แตงโมแช่เย็นคุณค่าทางอาหารลดลง


คณะนักวิจัยที่ห้องวิจัยปฏิบัติการทางการเกษตรในเมืองเลน รัฐโอคลาโฮมา ของกระทรวงเกษตรสหรัฐเผยในวารสารการเกษตรและเคมีอาหารว่า แตงโมเก็บที่อุณหภูมิห้องมีสารอาหารมากกว่าแตงโมแช่เย็นหรือแตงโมที่เพิ่งเก็บจากต้น พวกเขาศึกษาจากแตงโมที่เก็บไว้เป็นเวลา 14 วัน ณ อุณหภูมิที่แตกต่างกัน ได้แก่ 21 องศาเซลเซียส 13 องศาเซลเซียส และ 5 องศาเซลเซียส
พบว่าแตงโมที่อุณหภูมิ 21 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิห้องในอาคารติดเครื่องปรับอากาศมีสารอาหารมากที่สุดนอกจากนี้ยังมีไลโคปีนและเบต้าแคโรทีนมากกว่าแตงโมที่เพิ่งเก็บจากต้นประมาณร้อยละ 40 และร้อยละ 50 - 139 ตามลำดับ

ไลโคปีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้ผักผลไม้มีสีแดง คาดว่าช่วยป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งได้บางชนิด ส่วนเบต้าแคโรทีนเป็นสารอาหารที่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ งานวิจัยนี้ชี้ว่า แตงโมยังผลิตสารอาหารต่อเนื่องแม้ถูกเก็บมาจากต้นแล้วกระบวนการนี้จะลดลงหากนำแตงโมไปเก็บในอุณหภูมิเย็น ปกติแล้วแตงโมจะมีอายุในการวางจำหน่ายประมาณ 14 - 21 วัน ณ อุณหภูมิ 13 องศาเซลเซียสหลังการเก็บเกี่ยว

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2552

วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2552

 
body