วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้ : ขนมหวานขึ้นชื่อของแต่ละประเทศ

แครมบรูเล่ (Crème Brulee)
แม้ชื่อจะฟังดูแล้วฝรั่งเศสสุดๆ แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าเป็นเช่นนั้น เนื่องจากวิทยาลัยทรินิตี้ในเคมบริดจ์ได้อ้างว่าพวกเขาคือต้นตำรับผู้คิดค้นขนมสูตรเด็ดนี้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 1600 อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีจุดกำเนิดจากอังกฤษ แต่เชื่อแน่ว่าคงไม่มีสถานที่ใดเหมาะแก่การทานคัสตาร์ดเย็นๆ โรยด้วยน้ำตาลไหม้ ได้เท่ากับใต้หอไอเฟลที่ประดับด้วยไฟสว่างไสวในยามค่ำคืนในกรุงปารีส



บาคลาวา (Baklava)

ประวัติที่แท้จริงของบาคลาวายากที่จะระบุให้แน่ชัดเพราะว่ากันว่ามันมีต้นกำเนิดจากจักรวรรดิอ็อตโตมัน ดินแดนเมโสโปเตเมีย และอาหรับ โดยขนมหวานชนิดนี้ทำขึ้นจากการนำแป้งฟิลโลมาสอดไส้ไว้ด้วยถั่ว น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม หากต้องการลิ้มลองรสชาติแบบต้นตำรับก็ต้องไปรับประทานถึงถิ่นที่อ้างว่าเป็นจุดกำเนิด ทั้งกรุงอิสตันบูล กรุงเอเธนส์ และกรุงเบรุต แม้แต่ละที่อาจจะมีรสแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ยังการันตีได้ถึงความเอร็ดอร่อย


กุหลับ จามาน (Gulab Jamen)
ก้อนขนมปังหวานที่คงไม่ถูกปากฝรั่งตาน้ำข้าว แต่คอนเฟิร์มว่าอยู่ในรายชื่อขนมอันดับต้นๆ ของชาวอินเดีย และเมื่อมีคนกว่าพันล้านคนชื่นชอบ ก็ยากจะปฏิเสธได้ว่ามันไม่อร่อย ปกติแล้วมักทำขึ้นโดยใช้ครีมสองชั้นและราด้วยน้ำเชื่อมเข้มข้น เป็นที่นิยมในอินเดีย ปากีสถาน เนปาล และประเทศในแถบเอเชียใต้


นาไนโม บาร์ (Nanaimo Bars)
แคนาดาขึ้นชื่อเรื่องขนมหวาน? ได้ยินแล้วไม่ต่างกับการพูดว่ากรุงเทพขึ้นชื่อเรื่องทะเลยังไงยังงั้น แต่กระนั้น ขนมรสเลิศดังกล่าวก็มีที่มาจากเกาะแวนคูเวอร์ในเมืองนาไนโม รัฐบริติชโคลัมเบีย โดยได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจากฝีมือแม่บ้านท้องถิ่นซึ่งได้ส่งเจ้าขนมทรงจัตุรัสชิ้นนี้ไปประกวดในนิตยสารและคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ ปัจจุบัน เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในแถบอเมริกาเหนือ

ไดฟุกุ
ขนมเจลลาตินทรงกลมจากแดนอาทิตย์อุทัยมักสอดไส้ไว้ด้วยถั่วแดงหวาน (และบางครั้งก็อาจเป็นแยมสตอเบอร์รี่) โรยด้วยแป้งบางๆ โดยสามารถหาซื้อมารับประทานได้ทั้งจากกรุงโตเกียว โอซาก้า เกียวโต นากาโนะ และทุกแห่งในญี่ปุ่น



แอปเปิล พาย
เช่นเคย แม้จะฟังดูเป็นอเมริกันจ๋า แต่จริงๆ แล้วมีต้นกำเนิดจากเมืองผู้ดี โดยได้รับการคิดค้นขึ้นเมื่อปี 1381 และปกติจะอบด้วยแป้งสองชั้น ในสมัยก่อน ตอนที่ชาวอังกฤษอพยพมาตั้งรกรากในอเมริกา พวกเขาได้นำเมล็ดแอปเปิลมาปลูกด้วย จึงทำให้มันมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมของชาวมะกัน แต่ไม่ว่าจะที่โรงแรมในลอนดอนหรือภัตตาคารในแอลเอ แอปเปิลพายก็เป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาลูกค้าเหมือนกัน



ข้าวเหนียวมะม่วง
ขนมหวานแบบไทยๆ ที่นำมะม่วงสุกเหลืองอร่ามมาทานคู่กับข้าวเหนียวมูนราดด้วยน้ำกะทิ ฟังแล้วชวนน้ำลายสอเป็นอย่างยิ่ง โดยได้รับความนิยมจากทั้งชาวสยามและชาวต่างชาติ ทั้งยังสามารถหาลิ้มลองได้ทั้งที่โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคาร และร้านอาหารตามท้องถนนทั่วไป

ทีรามิสุ
เค้กชื่อดังของอิตาลีทำขึ้นจากเลดี้ฟิงเกอร์ราดเอสเปรสโซ่ สอดไส้ด้วยมาสคาร์โปนชีสและซาบากลิออเน ลือกันว่าทีรามิสุมีจุดกำเนิดมาจากการที่แม่บ้านของทหารในสงครามโลกครั้งที่สองทำเค้กให้สามีรับประทาน โดยเชื่อว่าส่วนผสมของคาเฟอีนกับน้ำตาลจะช่วยให้พวกเขามีพลังและแคล้วคลาดจากอันตราย ช่างโรแมนติคเสียนี่กะไร เหมาะจะเป็นของหวานรับวันวาเลนไทน์โดยแท้
ข้าวเหนียวมะม่วง



ฮาโล ฮาโล (Halo Halo)
จานเด็ดของชาวฟิลิปปินส์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้ไข่บาลุท แต่รับประกันได้ว่าไม่น่าสะอิดสะเอียน ทั้งนี้ ฮาโล ฮาโล ไม่มีสูตรการทำที่แน่นอน แต่ดูๆ ไปก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำแข็งใสของบ้านเรา โดยนำน้ำแข็งบดมาเติมด้วยเครื่องเคียง เช่น ถั่วเขียว ลูกตาล ขนุน มะพร้าวอ่อน ไอศกรีม วุ้นมะพร้าว สับปะรด และอื่นๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการราดนมข้นหวานและน้ำเชื่อม โดยสามารถหารับประทานได้ทุกที่ในกรุงมะนิลา
แบล็คฟอเรสท์เค้ก
ด้วยความมีชื่อเสียงในเรื่องชนิทเซล เบียร์ และเค้กรสชาติอร่อยมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่เยอรมนีจะกลายเป็นสถานที่ดื่ม-กินยอดนิยมของเรา โดยเจ้าช็อกโกแลตเค้กที่ทับซ้อนหลายชั้นด้วยครีม เชอร์รี่ และบรั่นดีผลไม้นี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นยุค 1900 ทางตอนใต้ของเยอรมนี (ภายหลังได้รับการปรุงแต่งให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยฝีมือของช่างทำเค้กในกรุงเบอร์ลิน) และทุกวันนี้เป็นทื่ชื่นชอบของคนทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่า นี่ก็เป็นหนึ่งในของโปรดของเราเช่นกัน

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

รูปน่ารัก: ผักๆๆๆ#2












รูปน่ารักๆ : ผักๆๆๆ #1












เรื่องน่ารู้ : "อดนอน" มาหลายคืนแล้วทำไงดี??


· นอนให้เร็วขึ้น เพื่อที่ร่างกายของเราจะได้ฟื้นฟูพลังงานที่ใช้ไปแล้ว ให้กลับคืนมาเหมือนเดิมเพื่อจะได้มีแรงทำงานในวันรุ่งขึ้น
· ดื่มหรือกินอาหารที่ย่อยง่าย เช่น น้ำเต้าหู้ นมอุ่นๆ สักแก้ว หรือโจ๊ก เพื่อสร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย ช่วยให้ร่างกายไม่รู้สึกเพลีย ห้าม!! กินอาหารมื้อหนักก่อนนอนนะจ๊ะ เพราะนอกจากจะทำให้เรารู้สึกอึดอัดในเวลานอน แล้วยังทำให้อ้วนอีกด้วย
· การอ่านหนังสือสบายๆ สักเล่ม จะช่วยทำให้เรารู้สึกง่วงนอนได้นะจ๊ะ
· ห้องนอนควรที่จะเงียบ มืด และสงบ เพราะสถานที่เงียบๆ จะทำให้จิตใจของเรารู้สึกนิ่งสงบและหลับไปในที่สุด
· เปิดเพลงคลอเบาๆ สำหรับในกรณีที่บางคนไม่ชอบอยุ่ในสถานที่เงียบๆ ล่ะก็ แนะนำวิธีนี้จ้ะ โดยให้เปิดเพลงจังหวะสบายๆ คลอเบาๆ เพื่อที่จะทำให้เรารู้สึกคลิ้มและหลับจ้ะ
· ห้าม!! ดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีน เพราะคาเฟอีนจะเป็นตัวกระตุ้นการทำงานของร่างกายให้ตื่น ดังนั้นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนจึงเหมาะที่จะดื่มในช่วงเช้าของวันจ้ะ
· ห้าม!! นอนชดเชย เรานอนหลับกลางวันแล้ว พอถึงเวลากลางคืนเราจะไม่ง่วงนอนเลย กว่าที่จะนอนได้ต้องใช้เวลานาน ดังนั้นเวลากลางวันเราจึงวรหลีกเลี่ยงการนอนเพื่อที่เวลากลางคืนเราจะได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม
· ห้าม!! ดูทีวี ถ้าเราตั้งใจที่จะนอนเร็วแล้วล่ะก็ ไม่ควรที่จะเปิดทีวีดูนะจ๊ะ เพราะการดูทีวีจะเป็นกระตุ้นร่างกายของเราให้รู้สึกตื่นจ้ะ

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้Addmission : คะแนนสูง-ต่ำ GAT PAT


คะแนนสูง-ต่ำ ในแต่ละวิชา (คะแนนเต็ม 300 คะแนน) ดังนี้


ความถนัดทั่วไปหรือ GAT คะแนนสูงสุด 290 คะแนน ต่ำสุด 0 คะแนน
PAT 1 ความถนัดทางด้านคณิตศาสตร์ คะแนนสูงสุด 300 คะแนน ต่ำสุด 0 คะแนน
PAT 2 ความถนัดทางด้านวิทยาศาสตร์ คะแนนสูงสุด 140 คะแนน ต่ำสุด 0 คะแนน
PAT 3 ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์ คะแนนสูงสุด 240 คะแนน ต่ำสุด 5 คะแนน
PAT 4 ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ คะแนนสูงสุด 225 คะแนน ต่ำสุด 0 คะแนน
PAT 5 ความถนัดทางวิชาชีพครู คะแนนสูงสุด 222 คะแนน ต่ำสุด 38 คะแนน
PAT 6 ความถนัดทางด้านศิลปกรรมศาสตร์ คะแนนสูงสุด 165 คะแนน
ต่ำสุด 18 คะแนน


PAT 7 ความถนัดทางด้านภาษาต่างประเทศ โดยแยกออกเป็น
PAT 7.1 ความถนัดทางด้านภาษาฝรั่งเศส คะแนนสูงสุด 270 คะแนน ต่ำสุด 30 คะแนน
PAT 7.2 ความถนัดทางด้านภาษาเยอรมัน คะแนนสูงสุด 288 คะแนน ต่ำสุด 39 คะแนน
PAT 7.3 ความถนัดทางด้านภาษาญี่ปุ่น คะแนนสูงสุด 294 คะแนน ต่ำสุด 0 คะแนน
PAT 7.4 ความถนัดทางด้านภาษาจีน คะแนนสูงสุด 291 คะแนน ต่ำสุด 27 คะแนน
PAT 7.5 ความถนัดทางด้านภาษาอาหรับ คะแนนสูงสุด 222 คะแนน ต่ำสุด 33 คะแนน
PAT 7.6 ความถนัดทางด้านภาษาบาลี คะแนนสูงสุด 279 คะแนน ต่ำสุด 45 คะแนน


ทั้งนี้ สทศ.จะเปรียบเทียบคะแนนที่ออกมาในแต่ละระดับ ว่าผลคะแนนที่ออกมาเด็กสามารถทำได้ดีในส่วนของข้อสอบที่ต้องใช้ความรู้ใน เนื้อหาที่เรียน หรือส่วนที่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์มากกว่ากัน และคาดว่าน่าจะทราบผลภายใน 3 วันหลังการประกาศผล


การยื่นคำร้องขอดูกระดาษคำตอบ GAT/PAT
ยื่นคำร้องด้วยตนเอง ตั้งแต่วันที่ 23-29 พฤษภาคม 2552 เวลา 08.30-16.00 น. เสียค่าธรรมเนียมวิชาละ 20 บาท ทั้งนี้ สทศ.จะนัดวันและเวลาสำหรับการให้บริการดูกระดาษคำตอบตามลำดับการยื่นคำร้อง หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.niets.or.th

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้ : การถนอมดวงตา


ตาเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย การถนอมดวงตาไว้ใช้งานได้นานและอยู่ในสภาพ ดีที่สุด จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติดังนี้
1. อย่าใช้สายตานานเกินควร ถ้าจำเป็นควรพักสายตาบ่อย ๆ
2. การอ่านหนังสือ ต้องมีแสงสว่างเพียงพอ ควรมีแสงส่องจากทางซ้าย ค่อนไปหลังเล็กน้อย ตาควรห่างจากหนังสือประมาณ 1 ฟุต
3. การดูโทรทัศน์ ควรดูในห้องที่มีแสงสว่างพอสมควร และควรนั้งห่างจากโทรทัศน์ประมาณ 5 เท่าของของขนาดโทรทัศน์ เช่น โทรทัศน์ขนาด 14" (วัดทแยงมุม) ควรนั่งห่างจากโทรทัศน์ 14 x 5 = 70 " = 70/12 ฟุต = 5.83. = ประมาณ 6 ฟุต
4. เมื่อมีฝุ่นละอองหรือเศษผงเข้าตา อย่าใช้มือขยี้ตา ควรใช้น้ำสะอาด หรือน้ำยาล้างตาล้างเอาฝุ่นออก
5. หลีกเลี่ยงการมองแสงจ้า เช่น ดวงอาทิตย์ ของสีขาวที่อยู่กลางแดดเพราะจะทำให้เซลล์ประสาทตาเสื่อมได้
6. ระมัดระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดกับตาได้ เช่น อย่าให้ของแหลมอยู่ใกล้ตา ไม่เล่นขว้างปาหรือยิงหนังยางใส่กัน
7. ไม่ควรใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่นแว่นตา ผ้าเช็ดหน้า เพราะอาจติดเชื้อได้
8. เวลานอนควรปิดไฟ เพื่อให้ดวงตาได้พักผ่อนเต็มที่
9. ควรกินอาหารที่ให้วิตามินเอประจำ เช่น ไข่ นม น้ำมันตับปลา ผักผลไม้สีเหลือง เป็นต้น
10. เมื่อมีความผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา เช่นมองเห็นภาพไม่ชัด ตาบวม คันตา ฯลฯ ควรปรึกษาจักษุแพทย์

วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้ : สิ่งที่ THAILAND ไม่เคย Copy ผู้ใดในโลก


เพื่อนๆ รู้มั้ย ว่าประเทศไทยของเรา มีดีแค่ไหน ?สิ่งที่ประเทศไทยไม่ได้ด้อยไปกว่า

ประเทศอื่นๆเลย และ ประเทศเราไม่เคยจะ COPY ใครมาด้วย


สภาพภูมิประเทศ .. ประเทศไทยถือว่าได้เปรียบมากกว่าเกาหลีมากในด้านนี้เพราะประเทศไทยถือได้ว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ของ ภูมิภาคเอเชียเลยก็ว่าได้ .. พร้อมยังสถานที่ท่องเที่ยว ขวานทองของเรา เหนือกว่าแบบกินขาดไม่ว่าจะเป็น เหนือสุดของประเทศ ทะเลหมอกแม่ฮ่องสอน ปาย ดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์จรดภาคใต้ของเรา ที่มี ทะเล และ หมู่เกาะ ที่สวยงาม นับไม่ถ้วน


วัฒนธรรม ... สยามเมืองยิ้ม การไหว้ที่สวยงาม การเคารพผู้ใหญ่ทุกอย่างประเทศไทยเรา .. ทำได้อย่างดี และ ควรที่จะทำดียิ่งๆขึ้นต่อไปเพราะ ทุกสิ่งนั้นคือ เอกลักษณ์ของประเทศเรา ที่ไม่มีประเทศไหนๆ ทำเลียนแบบได้


อาหารไทย ... รสชาตที่หลากหลาย และ เมนูอาหารไทย .. วัสดุที่ใช้ของในครัวเรือนของเราที่ราคาถูกและสามารถปลูกเองได้ในบ้านเราเองได้ เชื่อมั้ยว่า กุมใจของคนทั้งโลกได้แล้วไม่ว่าจะต้มยำกุ้ง ส้มตำ ผัดไท ทุกอย่างที่เอกลักษณ์ ที่ไม่มีใครสามารถจะเลียนแบบได้


ภาษาไทย ... ไม่ว่าจะเป็นภาษาพูด ภาษาเขียน ทุกตัวอักษร และทุกคำพูดที่เปล่งออกมาทำให้คนที่ฟังอยู่ หรือ อ่านอยู่ รู้ได้ว่า นี่หละคือเอกลักษณ์ของคนไทย


คำว่า คนไทยสิ่งนี้ มีเพียงที่เดียวในโลก บนผืนแผ่นดินนี้รักษาศักดิ์ศรี ของคำว่าคนไทยเอาไว้
อย่าดูถูกกันเอง และ อย่าทำตัวให้ใครมาดูถูกได้


ถ้าไทยไม่รักไทยแล้วใครล่ะ จะมารักเรา




เรื่องน่ารู้ : เชื่อไหม "คนนอนดึก - ตื่นสาย" ฉลาดกว่า "คนนอนไว - ตื่นเช้า"


เคยมีคนพูดว่า "นกที่ตื่นแต่เช้า จะได้หนอนไปกินจนอิ่มท้อง" แต่จะมีใครรู้บ้างรึเปล่าคะว่า ที่จริงแล้ว "นกฮูกราตรี" ต่างหากที่คือเจ้าแห่งสัตว์ปีกตัวจริง!!!

ขอคอนเฟิร์มคำพูดนี้ด้วย ผลวิจัยฉบับหนึ่งที่ออกมาตอกย้ำว่า คนนอนดึกตื่นสายฉลาดและรวยกว่าพวกนอนหัวค่ำ - ตื่นแต่ย่ำรุ่ง ... ต้องขอบอกเลยว่า งานวิจัยนี้ช่วยปลอบใจได้พวกที่ชอบนอนดึกตื่นสายได้เป็นอย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้มีงานศึกษาหลายชิ้นที่พบว่า คนตื่นสายมีแนวโน้มฉลาดและรวยกว่าคนตื่นแต่เช้ามืด สำหรับงานศึกษาล่าสุด นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแลจในเบลเยียม ได้นำคนสองกลุ่มมาเปรียบเทียบกันโดยการมอบหมายภารกิจที่ใช้วัดปฏิกิริยาการตอบสนองและระยะเวลาที่คนๆ นั้นยังคงตื่นตัวกับการทำงาน

โดยระหว่างการทดลอง อาสาสมัครจะเข้านอนและตื่นตามเวลาปกติ โดยพวกที่นอนหัวค่ำมีแนวโน้มตื่นก่อนพวกนกฮูกถึงสี่ชั่วโมง
สำหรับผลการวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสารไซนส์ โดยได้ระบุว่า อาสาสมัครทั้งสองกลุ่มทำภารกิจได้ดีพอๆ กันหลังจากตื่นนอนไม่นาน แต่หากผ่านไปสิบชั่วโมง พวกนอนดึกตื่นสายจะฉายแววโดดเด่นกว่า ทั้งทำภารกิจเร็วกว่าและมีปฏิกิริยาตื่นตัวดีกว่าด้วย
ดร.ฟิลิปเป้ เปโนซ์ จากมหาวิทยาลัยแลจในเบลเยียม ซึ่งเป็นผู้นำการวิจัย ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการวิจัยนี้ว่า แม้ตื่นนอนมานานพอๆ กัน แต่ดูเหมือนพวกนอนหัวค่ำจะรู้สึกง่วงงุนมากกว่า ซึ่งจากการสแกนสมองพบว่าบางส่วนในสมองที่เชื่อมโยงกับความสนใจทำงานที่ช้าลง

ในการศึกษาก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมการนอนดึกเกิดจากดีเอ็นเอ โดยนาฬิกาชีวภาพในร่างกายคนเราที่ควบคุมโดยพันธุกรรมจะเป็นตัวกำหนดว่าคนๆ นั้นจะเป็นนกน้อยที่ตื่นหากินแต่ย่ำรุ่งหรือเป็นนกฮูกตาโตยันดึก
นอกจากผลการวิจัยชิ้นนี้ ยังมีงานศึกษาอีกหลายชิ้นที่หักล้างความคิดที่ว่า เข้านอนแต่หัวค่ำและตื่นแต่เช้าดีต่อสุขภาพร่างกาย สมองและฐานะ เนื่องจากพบว่าคนนอนดึกตื่นสายฉลาดกว่า สมองฉับไวคิดอะไรเร็วกว่า แถมยังมีความจำดีกว่า จึงหาเงินได้มากกว่า
ในรายงานชิ้นนี้ยังพูดถึง เหล่านกฮูกคนดังที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น ชาร์ลส์ ดาร์วิน , อะดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และวินสตัน เชอร์ชิล ที่เข้านอนตอนตีสี่และตื่นสายโด่งเป็นประจำ ...

ในทางวิชาการ เชื่อกันว่าปัจจัยที่แบ่งแยกกลุ่มนกน้อยกับนกฮูกคือวิวัฒนาการที่เริ่มต้นจากยุคหิน โดยพวกตื่นเช้าจะเป็นพวกที่ออกไปหาอาหารการกิน ส่วนพวกนอนดึกมีหน้าที่ระวังภัยยามราตรี และทั้งสองกลุ่มต่างหลับสนิทอย่างอุ่นใจเพราะรู้ว่าสิ่งสำคัญจำเป็นของตนเองได้รับการดูแลเอาใจใส่แล้ว
แต่เมื่อถึงยุคสมัยที่มนุษย์เราเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชผักเป็นอาหาร พวกตื่นเช้าจึงเป็นที่ต้องการในสังคมเพราะเริ่มต้นทำงานก่อนใคร ขณะที่พวกตื่นสายถูกประณามว่าเกียจคร้านสันหลังยาว

วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้ : "ว่าว" วัฒนธรรมของคนหลายชาติ




สิ่งที่จะมาพร้อมกับฤดูร้อนนอกจากอากาศที่ร้อนแล้วก็คือ "การเล่นว่าว" ซึ่งถือว่าการละเล่นที่ได้รับความนิยมมากในอดีตแต่ในปัจจุบันอาจจะหาเล่นได้ยาก โดยคนไทยเราได้รับการละเล่นนี้มาจากเมืองจีนตั้งแต่สมัยสุโขทัย

และช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเล่นว่าวมากที่สุดก็คือ ช่วงฤดูร้อน น้องๆ ชาว Dek-D.Com ทราบกันหรือไม่จ๊ะว่า ในช่วงฤดูร้อนของทุกปีจะมีการจัดงาน "งานประเพณีว่าวไทย" ที่บริเวณท้องสนามหลวง ซึ่งกิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการสืบสวนการเล่นว่าวไทยไม่ให้สูญหายไปจากวัฒนธรรมไทย ภายในงานนี้จะมีการจัดประกวดว่าวประเภทสวยงาม , ประเภทความคิด และประเภทตลกขบขัน
นอกจากประเทศไทยของเราแล้ว ประเทศอื่นๆ ก็ยังมีการเล่นว่าวเหมือนกันจ้ะ แต่อาจจะแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของการเล่น เช่น


· ประเทศจีน ในวันที่ 9 กันยายนของทุกปี จะมีการเล่นว่าวในรุปแบบต่างๆ ทั่วทั้งประเทศ และถ้าครอบครัวไหนมีสมาชิกเกิดใหม่ก็ต้องผูกว่าวรูปปลาไว้ที่ลานหน้าบ้าน

· ประเทศญี่ปุ่น ว่าวถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเด็กผู้ชาย ดังนั้นในวันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่งถือว่าเป็น "วันเด็กผู้ชาย" บ้านไหนที่มีลูกผู้ชายก็ต้องนำว่าวปลาคาร์พไปผูกไว้ที่เสาหน้าบ้าน

· ประเทศเกาหลี ในวันที่ 14 มกราคมของทุกปี ครอบครัวที่มีลูกชายจะเขียนชื่อพร้อมวันเดือนปีเกิดบนว่าว แล้วปล่อยว่าวให้ลอยไปไกลที่สุดเพื่อเป็นการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้ออกไป

· ประเทศอินเดีย ในวันดัดเซลา คนทุกชั้นทุกวรรณะจะมีการการร่วมตัวกันเพื่อเล่นว่าว

· ประเทศก้มพูชา จะนิยมแขวนว่าวที่มีเสียงดังไว้ตามชายคาบ้านยามราตรีเพื่อขับไล่ปีศาจและสิ่งที่ไม่ดีให้ออกไป

แต่ละประเทศก็จะมีวัตถุประสงค์การเล่นว่าวที่แตกต่างกันออกไป อย่างประเทศไทยเราสมัยก่อนก็นำว่าวมาช่วยในเรื่องการทำสงคราม แต่ในปัจจุบันเรานำว่าวมาเล่นเป็นการละเล่นเพื่อความสนุกสนาน และยังถือว่าเป็นศิลปวัฒนธรรมของไทยเราอีกอย่างหนึ่ง
 
body