วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้ : เลิกชู 2 นิ้วเเบบหันหลังมือ เวลาถ่ายรูป


หลายคนคงรู้แล้วว่า การชู 2 นิ้ว หันหน้า มากจาก Victory ซึ่งแปลว่า ชัยชนะ หรือ เรียกง่ายๆ ก็คือ สู้ตาย!!

V Sign - good refer to The V Sign, palm outwards, means victory. It’s not that common to see anymore in the US and Canada, particularly since Richard Nixon used it and everyone thinks
him a crook.
แต่มีอีกหลายคนยังไม่รู้ว่า การชู 2 นิ้วหันหลังนั้น เป้นความหมายหยาบคาย ซึ่งเหมือนกับการชูนิ้วกลางนั่นเอง ซึ่ง นิ้วกลาง หันหลัง หมายถึง อวัยวะเพศชาย(The middle finger Sign หรือการชูนิ้วกลางจำได้ว่ามีมาตั้งแต่สมัยโรมัน เริ่มมาจากการใช้สัญลักษณ์นี้แทน ในการแสดงละครตลก)การชู 2 นิ้ว แบบหันหลัง ก็หมายถึง อวัยวะเพศหญิงนั่นเองประวัติ : เมื่อก่อนอังกฤษรบกับฝรั่งเศส แล้วอังกฤษเนี่ยสู้รบด้วยการยิงธนู ต้องใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางในกางเหนี่ยวธนู แล้วแบบฝรั่งเศสแอบไปตัดสองนิ้วนี้ของอังกฤษตอนที่ทหารอังกฤษนอนหลับ แล้วตอนเช้าก็เลยไม่มีนิ้วมายิงธนูแล้วฝรั่งเศสก็ชูนิ้วชี้กับนิ้วกลางหัน หลังเข้า เป็นการเยาะเย้ย เขาเลยถือว่าเป็นการหยามแบบว่าหยาบคายกัน

วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2552

Chinese New Year




Vocabulary
solar (adj.) เกี่ยวกับดวงอาทิตย์, ของดวงอาทิตย์, สุริยคติ, สุริยะ
lunar (adj.) เกี่ยวกับพระจันทร์, ทางจันทรคติ
differ (vi.) ผิดกัน ผิดใจกัน เศษเลย
zodiac ( n.) จักรราศี
rid ( vt.) rid (pt.) pp.ridded (pt.) pp.riddance (n).ทำให้หมดไป, ทำให้พ้นไป, กำจัด
wealth (n.) wealthy (adj.)ความสมบูรณ์, ความมั่งคั่ง, มั่งคั่ง, มั่งมี, ทรัพย์สมบัติ, โภคทรัพย์, ความมากมาย
dazzling (adj.) dazzlingly (adv.)เข้าตา, สุกใส, ปราดเปรื่อง, หรูหรา
lantern (n.) โคม



Chinese New Year is the biggest festival in the Chinese calendar and is sometimes called the Spring Festival. It's based on the solar and lunar cycles, so the date differs every year. This year, Chinese New Year falls on 7 February.
Each year in the Chinese calendar is represented by 1 of the 12 animals of the Chinese zodiac. 2008 is the Year of the Rat. Celebrations start with the new moon on the first day of the New Year, and continue until the full moon 15 days later.

New Year's Day centres on 'welcoming the Gods of heaven and earth'. People often don't eat meat on this day as this is believed to bring a long and happy life. The endless explosions of fire crackers are said to ward off evil spirits and are also a sign of getting rid of the old and welcoming the new.
One of the most dazzling events of the New Year is the 'Lion Dance' which passes through the streets bringing good luck and wealth to the houses and businesses it visits. The last day of the New Year celebrations is called the Lantern Festival, which is celebrated at night with lantern displays and parades.

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้ : เทศกาลตรุษจีน




มีเรื่องเล่ากันว่า เทศกาลตรุษจีนมีประวัติยาวนานกว่าสี่พันปีแล้ว เดิมทีไม่ได้เรียกว่าตรุษจีน และก็ไม่ได้กำหนดเวลาที่แน่นอนด้วย เมื่อ 2,100 ปีก่อนคริสตกาล คนในสมัยนั้นถือการโคจรรอบหนึ่งของดาวจูปีเตอร์เป็นหนึ่ง”ซุ่ย” จึงเรียกตรุษจีนว่า "ซุ่ย" เมื่อ 1,000 กว่าปีก่อนคริสต์กาล ผู้คนเรียกตรุษจีนว่า "เหนียน" ซึ่งมีความหมายว่าการเก็บเกี่ยวได้ผลอุดมสมบูรณ์
ตามประเพณีพื้นบ้าน เทศกาลตรุษจีนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติของจีนไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือนอ้ายตามปฏิทินจันทรคติของจีน ในช่วงนี้ คืนวันที่ 30 เดือน 12 ซึ่งเป็นวันส่งท้ายปีเก่า และวันที่ 1 เดือนอ้ายหรือวันชิวอิก จะเป็นวาระสำคัญที่สุดในช่วงเทศกาลตรุษจีนซึ่งกินเวลาทั้งหมดประมาณ 3 อาทิตย์
เพื่อเตรียมต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ประชาชนในเมืองหรือชนบทต่างตระเตรียมกันตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยเฉพาะในชนบท พอย่างเข้าเดือนธันวาคมก็เริ่มเตรียมที่จะต้อนรับตรุษจีนแล้ว เช่น ทำความสะอาดบ้าน ซักเสื้อผ้าและผ้าห่ม ซึ่งถือเป็นการขับไล่สิ่งที่สกปรกออกจากบ้าน เพื่อให้บ้านมีโฉมหน้าใหม่ นอกจากนี้ ยังต้องซื้อของกินของใช้มากมาย เช่น ลูกอม ขนม หมูเห็ดเป็ดไก่ และผลไม้นานาชนิด เพื่อเตรียมไว้กินหรือต้อนรับแขกในช่วงเทศกาลตรุษจีน ในเมืองใหญ่ การเตรียมการต่างๆ ก็เริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ เช่นกัน เช่น หน่วยงานวัฒนธรรมและคณะนาฏศิลป์จะเตรียมรายการมากมายสำหรับแสดงในช่วงตรุษจีน สถานีโทรทัศน์ต่างๆ จะเตรียมจัดงานบันเทิง สวนสาธารณะจะเตรียมจัดงานวัดตามประเพณีฉลองตรุษจีนที่สืบทอดกันมาแต่สมัยโบราณ เพื่อให้ประชาชนได้รับความสนุกสนานมากกว่าวันธรรมดา ส่วนร้านค้าและห้างสรรพสินค้าต่างๆ จะจัดเตรียมสินค้าให้เพียงพอเพื่อตอบสนองการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีสถิติแสดงให้เห็นว่า เงินที่ชาวจีนใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนนั้นจะเป็น 1 ใน 3 ของเงินใช้จ่ายตลอดปีหรืออาจมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศจีน มีประเพณีฉลองตรุษจีนที่แตกต่างกัน แต่มีประเพณีอยู่อย่างหนึ่งไม่ว่าภาคใต้หรือภาคเหนือล้วนปฏิบัติเหมือนกัน นั่นก็คือ การรับประทานอาหารด้วยกันทั้งครอบครัวในคืนส่งท้ายปีเก่า ที่ภาคใต้ อาหารมื้อนี้มักจะมีกับข้าวกว่าสิบอย่าง ต้องมีเต้าหู้และปลา เพราะว่าการออกเสียง "เต้าหู้" และ "ปลา" นั้นพ้องเสียงกับคำว่า“ฟู่อวี้”ซึ่งมีความหมายว่ามั่งคั่งร่ำรวย ส่วนทางภาคเหนือ ในคืนส่งท้ายปีเก่า ทุกคนในครอบครัวจะช่วยกันห่อเกี๊ยว แล้วรับประทานด้วยกัน
ในคืนส่งท้ายปีเก่ายังมีประเพณีอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า "โส่วซุ่ย" คือ อยู่โต้รุ่งเพื่อต้อนรับวันปีใหม่ เมื่อก่อนนี้ ก่อนปีใหม่จะมาถึง ผู้คนจะจุดประทัดต้อนรับปีใหม่ ประเพณีการจุดประทัดในอดีตก็เพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจ แต่เนื่องจากการจุดประทัดทำให้เกิดมลพิษและไม่ปลอดภัย ดังนั้น ในเขตตัวเมืองของเมืองใหญ่ต่างๆ เช่นปักกิ่งเป็นต้นจึงห้ามจุดประทัด พอถึงวันชิวอิก ไม่ว่าเด็กเล็กหรือผู้เฒ่าผู้แก่มักจะใส่เสื้อผ้าใหม่ เพื่อต้อนรับแขกหรือไปเยี่ยมญาติและเพื่อนๆ เวลาพบหน้ากัน มักจะทักทายด้วยคำว่า “สวัสดีปีใหม่” หรือ “สวัสดีตรุษจีน” แล้วจะเชิญเข้าบ้าน กินขนมจิบน้ำชาไป คุยไปด้วย ถ้าระหว่างญาติพี่น้องเคยเกิดการทะเลาะกันหรือความไม่พอใจกันในรอบปีเก่า ก็จะให้อภัยและคืนดีกันหลังจากการเยี่ยมเยือนกันในช่วงเทศกาลตรุษจีน
การเฉลิมฉลองในวันขึ้นปีใหม่ของจีนทั้ง 15 วัน
- ในวันแรกของวันขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติ คือวันแห่งการต้อนรับเทพเจ้าแห่งสวรรค์และ โลกมนุษย์ ในวันแรกนี้คนส่วนใหญ่ จะละเว้นจากการรับประทานเนื้อสัตว์ เพราะเชื่อว่าการทำเช่นนี้ จะทำให้พวกเขามีชีวิตที่ยืนยาว และมีความสุข - ในวันที่สองของวันขึ้นปีใหม่ ชาวจีนจะสวดอ้อนวอนต่อ บรรพบุรุษและต่อเทพเจ้า พวกเขาจะปฏิบัติต่อสุนัขและเลี้ยงมันเป็นอย่างดี เนื่องว่าชาวจีนเชื่อว่า วันที่สองนี้เป็นวันเกิดของสุนัขทุกตัว
- ในวันที่สามและสี่ จะเป็นวันสำหรับลูกหลานจะไปเคารพอวยพรต่อบิดามารดา
- ในวันที่ห้า จะเรียกวันนี้ว่าวัน Po Woo ในวันนี้ประชาชนจะอยู่กับบ้านเพื่อรอต้อนรับเทพเจ้าแห่งความเงินทอง และจะไม่มีใครที่จะออกไป เยี่ยมครอบครัวและเพื่อนๆในวันนี้ เพราะจะเป็นการนำความโชคร้าย ไปสู่พวกเขาทั้งสองฝ่าย
- ในวันที่หกจนถึงวันที่สิบของวันขึ้นปีใหม่ จะเป็นช่วงที่ชาวจีนออกไปเยี่ยม ญาติและเพื่อนๆ ตามอิสระ รวมไปถึงการไปสวดมนต์ที่วัดเพื่อให้มีสุขภาพและอนาคตที่ดี
- ในวันที่สิบถึงวันที่สิบสอง จะเป็นวันที่เพื่อนและญาติจะเชื้อเชิญกันไปรับประทานอาหารเย็น
เทศกาลตรุษจีนถือเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของชาวจีนก็ว่าได้เลยนะคะ แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไป แต่พี่แก้มคิดว่าคนจีนก็ยังคงให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้เสมอมา เช่นเดียวกับวันสงกรานต์ของบ้านเรา ที่เป็นวันที่ครอบครัวได้พบกันพร้อมหน้าพร้อมตา
 
body